วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Austria

Austria
ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-มิถุนายน)

           งดงามไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน ต้นไม้ทั่วไปหลังจากที่หิมะละลาย จะออกช่อใหม่เล็กๆ เห็นแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นทีเดียว อีกทั้งยังมีต้นไม้บางประเภทที่ผลิดอก ก่อนผลิใบ เช่น แอบพิคอต ซึ่งก็มีหลายสายพันธ์ ต้นไม้เหล่านี้จะออกดอกบานสะพรั่งเต็มต้น สีชมพูอ่อน สีขาว ตามสายพันธ์ของตน ฤดูนี้แหล่ะที่เรียกกันว่าฤดูชมดอกไม้บาน คนไทยเราจะเคยได้ยินมาว่าที่ญี่ปุ่นมีสวนซากุระให้ชม แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าที่ออสเตรียก็มีให้ชมมากมายและสวยงามไม่แพ้กัน หลังจากกลีบดอกเริ่มร่วงไป ต้นไม้เหล่านี้ถึงจะผลิใบอ่อนตามมา


ออสเตรียมีวัฒนธรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นิยมการเดินชมวิว ทิวทัศน์ ดื่มด่ำความงดงามธรรมชาติ ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งเป็นการออกกำลังกายอย่างเพลิดเพลิน ออสเตรียมีภูมิประเทศเป็นเทือกเขา จึงทำให้ทิวท้ศน์สวยงาม มีจุดชมวิวมากมาย ฤดูนี้จะมีท่องเที่ยวเขามาเดินเขามากมาย ความงามของแต่ละสถานที่ก็แตกต่างกันออกไปตามภูิมิประ้เทศ

ฤดูนี้ในเมืองก็จะคึกคัก อากาศเปลี่ยน ผู้คนก็ปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล การแต่งตัวจะมีสีสันมากขึ้น ร้านค้าแข่งขันกันกระหน่ำลดราคา ต้อนรับฤดูร้อนที่ำกำลังจะมาถึง ใครนิยมชมชอบการช้อปปิ้่งช่วงนี้ล่ะเหมาะที่สุด


พระราชวังเบลเวเดียร์_Belvedere Palace



                   พระราชวังเบลเวเดียร์ (Belvedere Palace) พระราชวังที่ตั้งอยู่บนลาดเชิงเขา สร้างขึ้นตามศิลปะบาร็อกในปี ค.ศ. 1715-1723 เพื่อใช้เป็นที่พระราชวังฤดูร้อนของเจ้าชายยูจีนแห่งซาวอย (Prince Eugene of Savoy) ผู้นำกองทัพแห่งราชวงศ์แฮบส์บวร์ก ที่ทำสงครามจนได้รับชัยชนะพวกเติร์กที่เข้ามารุกราน พระราชวังถูกออกแบบให้สร้างเป็นสองส่วน โดยมีสวนขนาดใหญ่เชื่อมระหว่างสองอาคาร

- Lower Belvedere หรือ ปราสาทเบลเวเดียร์ล่าง ส่วนนี้เคยเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของเจ้าชายยูจีน ปัจจุบัน เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะออสเตรีย ตั้งแต่ยุคกลางจนถึงยุคปัจจุบัน ค่าเข้าชม ส่วนนี้ 8 ยูโร.

- Upper Belvedere หรือปราสาทเบลเวเดียร์บน ส่วนนี้ทั้งหรูหราสง่างามกว่า ใช้เป็นที่รับรองแขกจัดงานเลี้ยงรื่นเริงสังสรรค์ รอบๆ อาคารประดับด้วยรูปปั้นสฟิงค์ ซึ่งถือได้ว่าแปลกไปกว่าที่อื่นๆ จากส่วนนี้มองไปด้านล่างจะเห็นทัศนียภาพที่สวยงามทีเดียว ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงภาพเขียน ออสเตรียนแกลเลอรี (Austrian Gallery) ซึ่งถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ภาพเขียนที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จัดแสดงผลงานภาพเขียนของศิลปินดังๆ หลายท่านรวมทั้งศิลปินชาวออสเตรียน กุสตาฟ คลิมท์ (Gustav Klimt) ภาพเขียนที่โด่งดังที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นภาพวาดแบบอาร์ตนูโวที่ชื่อว่า The Kiss ว่าักันว่าถ้ามาพระราชวังแห่งนี้แล้ว ไม่ได้เข้าชมภาพ “The Kiss” ถือว่ามาไม่ถึง ค่าเข้าชมส่วนนี้ 8 ยูโร

 การซื้อบัตรเข้าชม ควรเลือกแบบเบ็ดเสร็จ 13.50 ออยโร จะคุ้มกว่าสามารถเข้าชมได้ทั้ง 2ส่วน

วีซ่า / การเดินทางท่องเที่ยว

เอกสารที่จำเป็น
-คำร้องที่กรอกเป็นตัวพิมพ์หรือพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดอย่างครบถ้วนและถูกต้องตามความเป็นจริงและผู้ร้องลงลายมือชื่อด้วยตนเอง

-ภาพถ่ายปัจจุบัน 2 รูป (2 นิ้ว ) ขนาดมาตรฐานตามแบบของ ไอซีเอโอ (ดูที่เว็บไซต์ ขนาดมาตรฐานตามแบบของรูปถ่าย)

-หนังสือเดินทางซึ่งมีอายุใช้งานอย่างน้อย 90 วันหลังจากที่วีซ่าที่ขอไว้จะหมดอายุ

-หลักฐานด้านยานพาหนะสำหรับการเดินทางไปและกลับ (ใบจองเที่ยวบิน) การขอวีซ่าไม่ต้องแสดงบัตรโดยสารเครื่องบิน

-หลักฐานการทำประกันสุขภาพระหว่างการเดินทางและการทำประกันอุบัติเหตุซึ่งแสดงว่าได้ให้การคุ้มครองความเสี่ยงทุกประเภท มูลค่าประกันอย่างต่ำ 30,000 ยูโร มีอายุใช้ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในกลุ่มประเทศเชงเก้น กรมธรรม์ประกันภัยภาษาต่างประเทศให้แสดงต้นฉบับพร้อมคำแปลภาษาเยอรมันหรือภาษาอังกฤษ

-การรับรองเรื่องที่พัก (ใบจองโรงแรม ฯลฯ)

สำหรับการเดินทางแวะหลายประเทศให้แสดงหนังสือรับรองการจองการเดินทางในกลุ่มประเทศเชงเก้น ซึ่งระบุเส้นทางการเดินทางและการจองที่พักสำหรับการเดินทางทั้งหมด (หลักฐานการจองโรงแรม)

-หนังสือรับรองการทำงานประจำจากนายจ้าง

-หนังสือรับรองการให้ลาหยุดงานของนายจ้าง

หนังสือรับรองจากโรงเรียน

-สำหรับผู้ยื่นคำร้องที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ในประเทศไทยบุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปี) หนังสือให้ความยินยอมที่เป็นลายลักษณ์อักษรของผู้ปกครองที่ได้รับการรับรองความถูกต้องแล้วและหลักฐานการเป็นบิดามารดา (สูติบัตรของผู้ยื่นคำร้อง)

-หลักฐานด้านการเงิน (สลิปธนาคาร ข้อมูลธนาคาร สมุดเงินฝาก เช็คเดินทาง) บัตรเครดิตและเงินสดจะไม่ได้รับการยอมรับเป็นหลักฐานด้านการเงินที่เพียงพอ


http://www.cityairporttrain.com/langen/
สองฟากฝั่งแห่งแม่น้ำดานูบ


พิพิธพันธ์โมสาสน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เที่ยวยังงัย ให้ครบทุกประเทศเนี่ย